วันพฤหัสบดีที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2554

กว่าง กว่างกิ กว่างโซ้ง

ลักษณะ

จัดอยู่ในประเภทแมลงปีกแข็ง ตัวผู้จะมีเขายื่นไปข้างหน้าและโค้งลงตอนปลายแยกเป็นสองแฉก ตัวเมียไม่มีเขา ชอบกินน้ำหวาน จากอ้อย กล้วยน้ำว้าสุก หรือน้ำหวานจากพืชอื่น ๆ กว่างมีหลายชนิดเช่นกว่างกิ เป็นกว่างตัวผู้สีน้ำตาล มีเขาบนสั้นกว่าเขาล่างจัดเป็นกว่างขนาด เล็ก กว่างกิทุย มีขนาดใหญ่กว่า สีตัวเข้มกว่าและเขายาวกว่ากว่างกิธรรมดา แต่ยังสั้นกว่ากว่างโซ้งหรือกว่างแซม กว่างซาง กว่างห้าเขา หรือด้วง ห้าเขา กว่างชนิดนี้ตัวใหญ่มากตัวสีน้ำตาล ปีกแข็งสีน้ำตาลอ่อนหรือออกนวล ส่วนหัวสีน้ำตาลเข้มเกือบดำ ตัวผู้มีเขาบนสี่เขาเขาล่างหนึ่งเขา กว่างแซม กว่างตัวผู้คล้ายกว่างโซ้งแต่สีอ่อนกว่าและมักจะส่งเสียงมากกว่ากว่างโซ้งหรือกว่างชนิดอื่น กว่างโซ้ง กว่างตัวผู้ตัวโตเขายาว มีสองสี คือสีดำเรียกว่ากว่างฮักแต่ถ้าดำสนิทจะเรียกว่ากว่างฮักน้ำปู๋ สีน้ำตาลเข้มออกแดงเรียกว่ากว่างหาง กว่างโซ้งนี้นิยมใช้เป็นกว่างชนเพราะมีขนาด ใหญ่ กว่างแม่โหมะ กว่างอี่หลุ้มเป็นกว่างตัวเมีย
แหล่งที่พบ

พบทั่วไปในแปดจังหวัดภาคเหนือตอนบน ช่วงระยะเวลาในระหว่างเข้าพรรษาประมาณเดือนกรกฎาคมถึงเดือนตุลาคม เพราะ เมื่อผสมพันธ์ วางไข่แล้ว กว่างก็จะตายไปตามธรรมชาติ
ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชน

ในฤดูเข้าพรรษา ชาวล้านนามีการเล่นที่ถือว่าเป็นการบันเทิงมากกว่าที่จะตั้งใจให้เป็นการพนันขันต่อ นั่นคือการ "ชนกว่าง" เป็น การบันเทิงยามค่ำคืนหรือเป็นกีฬาพื้นบ้านราคาถูก เพราะกว่างเป็นสัตว์ที่เลี้ยงง่าย อุปกรณ์ในการชนกว่างประกอบด้วย "ไม้กลอนชนกว่าง" หรือ เป็นเวทีชนกว่างนิยมใช้ใช้ไม้ที่มีน้ำหนักเบา อาทิไม้นุ่น ไม้ปอกระเจา หรือง่ายที่สุดก็ใช้ท่อนอ้อยปลอกเปลือกให้ได้ความยาวขนาดพอเหมาะก็ถือ ว่าใช้ได้ นอกจากนี้ก็จะมีไม้หลิ้ง คือไม้ที่ใช้สำหรับให้สัญญาณกว่างให้เดินหน้า ถอยหลัง เลี้ยวซ้าย หรือเลี้ยวขวาเป็นต้น ไม้หลิ้ง ไม้ผั่น หรือไม้ปั่น กว่างนี้จะทำให้มีลักษณะให้ปลายแหลมตรงกลางทำให้เป็นเหลี่ยม ช่วงที่ใช้มือหมุนจะทำให้กลม ระหว่างช่วงกลางก่อนจะถึงมือหมุน ทางแพร่น่าน นิยมตัดสังกะสีเป็นแผ่นเล็กๆติดไว้ เมื่อปั่นไม้จะเกิดเสียงดัง หลิ้ง...หลิ้ง.. เมื่อกว่างได้ยินเสียงก็จะเกิดปฏิกิริยาเคลื่อนไหว
กติกาการชนกว่าง นิยมยึดหลัก "สามหลุ้ม" หมายความว่าถ้ากว่างตัวผู้ชนกันแล้ว ตัวไหนถอยหนี 3 ครั้ง ถือว่าแพ้ ในการถอยหนี แต่ละครั้งนั้นเจ้าของจะให้ดมกว่างอีหลุ้มซึ่งเป็นกว่าตัวเมีย เป็นตัวล่อให้หันกลับเข้ามาต่อสู้อีก ซึ่งมักได้ผลเกือบทุกครั้ง
การชนกว่างนี้ ไม่เพียงนิยมในระดับชาวบ้านเท่านั้น พระชายาเจ้าดารารัศมีในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ยังทรง โปรดกีฬาชนกว่างเป็นอย่างมาก ในช่วงเดือน 12 หรือเดือนกันยายน ถึงกับโปรดเกล้าให้สร้างผาม (ปะรำ) ขนาดใหญ่ เพื่อใช้เป็นสนามชนกว่าง ทรงสั่งกว่างชั้นเยี่ยมจากลำพูน ลำปาง อำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดเชียงใหม่ มาเลี้ยงดูฝึกปรือเพื่อเอาไว้เป็นกว่างชนที่มีชื่อเสียง ทรงชักชวนชาวบ้านที่ ชอบกีฬาชนกว่างมาร่วมชุมนุมกันที่ ตำหนักสวนสบาย อำเภอแม่ริมเป็นประจำ
การตั้งกว่าง หรือการจับกว่างมาเลี้ยง สามารถเอากว่างชนิดใดก็ได้ มัดไว้กับท่อนอ้อยแล้วห้อยไว้ที่ชายคาบ้าน ไม่นิยมห้อยนอก ชายคาบ้านเพราะสัตว์อื่นอาจมาทำร้าย ในตอนกลางคืนจะมีกว่างตัวอื่นบินมาเกาะ ผู้ตั้งกว่างจะต้องตื่นออกมาดูแต่เช้ามืดมิเช่นนั้นแล้วหากมีกว่าง อื่นมาติดก็จะบินหนีไปเสียก่อน อย่างไรก็ตามนักชนกว่างไม่นิยมใช้กว่างโซ้งเป็นกว่างตั้ง เพราะเกรงว่าถ้ามีกว่างอี่หลุ้มหรือกว่างตัวเมียมาเกาะติด กว่างโซ้งจะผสมพันธ์ก่อนที่จะนำไปชนทำให้เสียแรง
การชนกว่างเป็นกีฬาพื้นบ้านล้านนาที่นิยมกันมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันที่ได้สร้างความบันเทิงใจและเป็นกีฬาที่ไม่ถือว่าโหดร้าย ทารุณสัตว์อะไรมากนัก เพราะตามธรรมชาติกว่างก็ชนกันเป็น "ศึกชิงนาง" อยู่แล้วไม่ถึงกับเลือดตกยางออกแต่ประการใด
.................................................................
เอกสารอ้างอิง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น